แชฟฟ์เลอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรธุรกิจ บุกตลาดยานยนต์ไทย ปี 65

27/06/2022 | Thailand/Bangkok

นายไมก้า เชฟพาร์ด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธาน ฝ่ายอะไหล่ทดแทน บริษัท แชฟฟ์เลอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า “แชฟฟ์เลอร์ ประเทศไทย พร้อมรุกตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับภาคธุรกิจยานยนต์แบบครบวงจรในไทยในปีนี้ ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับบำรุงรักษารถยนต์คุณภาพสูงภายใต้แบรนด์ “แชฟฟ์เลอร์ ทรูพาวเวอร์” (Schaeffler TruPower) ได้แก่ แบตเตอรี่คุณภาพสูง ไฟแรง ทนทาน และไม่ต้องบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งานสำหรับรถยนต์นั่งทุกประเภท เช่น แบตเตอรี่ Sealed Maintenance Free (SMF) แบตเตอรี่ Enhanced Flooded Battery (EFB) และแบตเตอรี่ Absorbent Glass Mat (AGM) รวมถึง ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นและสารหล่อลื่น อาทิ น้ำมันเครื่องยนต์ดีเซล-เบนซิน, น้ำมันเกียร์แบบ แมนนวล-อัตโนมัติ น้ำมันเบรก-คลัตช์, น้ำยาหล่อเย็นชนิดพร้อมใช้ และจาระบี ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดผลิตด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูงจากน้ำมันพื้นฐานชนิดต่างๆ ทั้งกลุ่มสังเคราะห์, กึ่งสังเคราะห์ และน้ำมันแร่ เพื่อให้การปกป้อง และช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น”

แชฟฟ์เลอร์ ทรูพาวเวอร์ เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ล่าสุดภายใต้แบรนด์แชฟฟ์เลอร์ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ ได้ผนึกความร่วมมือครั้งใหม่กับผู้แทนจำหน่ายทั้ง 12 ราย แบ่งเป็น ตัวแทนภาคกลาง ได้แก่ ออโต้ บิสซิเนส คอเปอเรชั่น, ซีพีเอส ออโตโมทีฟ, ออโต้เวิลด์ และยนต์ประกิจ (1996) ภาคตะวันออก ได้แก่ ศรีสยามกลการ, โกลบอล เอเซีย แปซิฟิก และโล้วเฮงหมงเทรดดิ้ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ รวมเจริญ ค้าส่ง ภาคตะวันตก ได้แก่ เอส.ยู.เอ็ม. กรุ๊ป และภาคเหนือ ได้แก่ หนองหอยปิโตรเลียม และลำปาง เอ็น.ที.เอส.พาร์ท และภาคใต้ เซอร์เทค เอ็นเนอร์ยี่ ทั้งนี้ แชฟฟ์เลอร์ ประเทศไทยหวังว่าจะมีบทบาทในตลาดอะไหล่หลังการขายของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

นายแฮรี่ เวลสเตเกอร์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายอะไหล่ทดแทน บริษัท แชฟฟ์เลอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “แชฟฟ์เลอร์เชื่อว่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้ เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นใจว่าธุรกิจจะยังคงยั่งยืนในฐานะบริษัทชั้นนำด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดขนาดใหญ่ทั่วโลก และที่สำคัญ คุณภาพและความน่าเชื่อถือของแบรนด์เป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด”

ที่ผ่านมา บริษัท แชฟฟ์เลอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในกลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรมรวม 3 แบรนด์ ได้แก่ LuK (ชิ้นส่วนระบบส่งกำลัง), INA (ชิ้นส่วนระบบเครื่องยนต์) และ FAG (ชิ้นส่วนระบบช่วงล่างหรือแชสซี) ที่นำเสนออะไหล่ทดแทนคุณภาพสูงและเชื่อถือได้ และจากการนำเสนอชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญเหล่านี้ บริษัทฯ จึงมองเห็นช่องทางในการขยายธุรกิจด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มแบรนด์แชฟฟ์เลอร์ ทรูพาวเวอร์ (Schaeffler TruPower) เช่น แบตเตอรี่ น้ำมันหล่อลื่นและสารหล่อลื่นต่างๆ ที่ส่งผลให้แชฟฟ์เลอร์เป็นผู้นำตลาดอะไหล่ทดแทนด้านการดูแลรักษายานยนต์แบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น

นายชัชวาล ส้มจีน กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทย และหัวหน้าส่วนสายงานธุรกิจแบริ่ง อี-โมบิลิตี้ และระบบแชสซีในฝ่ายเทคโนโลยียานยนต์ บริษัท แชฟฟ์เลอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวสรุปท้ายว่า “แชฟฟ์เลอร์ยังมีแผนรุกตลาดช่วงครึ่งปีหลัง โดยการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้านแบตเตอรี่อย่างเป็นทางการในรายการ “โตโย ไทร์ แชฟฟ์เลอร์ อีซูซุ วัน เมค เรซ 2565” (Toyo Tires Schaeffler Isuzu One Make Race 2022) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าถึงตลาดผู้บริโภคในประเทศไทย โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ขับขี่รถยนต์ ร้านค้าปลีก ทั้งยังมีการจัดกิจกรรมเวิร์คช็อปต่างๆ ที่จะช่วยให้ แชฟฟ์เลอร์ ประเทศไทย สามารถพิสูจน์คุณภาพของแชฟฟ์เลอร์ ทรูพาวเวอร์ แบตเตอรี่ต่อผู้ใช้งาน และใช้ประโยชน์จากสนามแข่งเพื่อทำการวิจัยและทดสอบผลิตภัณฑ์ได้

นอกจากนี้ แชฟฟ์เลอร์ มีแผนที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น โดยผ่านแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซ ได้แก่ แชฟฟ์เลอร์ ลาซาด้า ลาซมอลล์ และเอ็กมอล (EGG Mall) ที่จะเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อฉลองการเปิดตัวตั้งแต่ 1-31 กรกฎาคม 2565 แชฟฟ์เลอร์ แจกคูปองส่วนลดสำหรับการซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องแชฟเลอร์ ทรูพาวเวอร์ให้กับผู้ที่ลงทะเบียน 100 ท่านแรก ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/SchaefflerThailand หรือสแกน QR โค้ดเพื่อรับสิทธิประโยชน์ได้ทันที คูปองนี้สามารถใช้งานได้ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2565 และ ทั้งนี้จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงแผนการตลาดต่างๆ และความร่วมมือจากพันธมิตรธุรกิจของแชฟฟ์เลอร์ในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้บริษัทฯ มียอดขายเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 21 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้”